วันพฤหัสบดีที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

เรื่อง รถพลังงานไฟฟ้า OPAC

คลิกที่นี่ครับ

ข่าวสารประจำสัปดาห์ที่ 4

ที่มาของ Blog


จากที่ได้ลองเขียน Blog มาเรื่องที่เราเขียนจะเป็นเรื่องของเราเองเกือบทั้งหมด ก่อนหน้านี้ที่เขียนไม่เคยคิดว่าจะมีคนเข้ามาอ่าน เราก็เขียนเก็บไว้อ่านกันสองคน กันไว้ว่าบางเหตุการณ์เราอาจจะลืมเพราะเวลามันไม่ได้หยุดอยู่ที่เดิม เรื่องน่ารักที่หลายๆคนเข้ามาชื่นชมวันนี้ เราหรือเค้า อาจจะลืมมันไปต้องขอบคุณทุกๆคนที่เข้ามา Comment ช่วยเตือนสติว่าเรื่องที่มันเกิดขึ้นกับเราสองคนเป็นเรื่องที่น่ารักที่เราควรจะเก็บไว้กับเราตลอดไป
Blog "bazoogajoe" เป็นของคุณโจเค้า เห็นเค้าบอกว่าทำไว้หลายปีแสนผ่านมาแล้วแต่ไม่มีเวลาเข้ามาเขียนเลยปล่อยทิ้งเป็น Blog ล้างรอคนมาเซ้งต่อ หุหุหุ ^_^' เราก็เลยจัดการซะเลย จะได้ไม่เสียของค่ะ เรื่องแรกที่เราเขียนก็ ทริปนี้ที่เมืองกาญ ค่ะ ที่เห็น Blog น่าตาดีมีรงมีรูป อะไรเนี้ย ไม่ใช่ฝีมือเราหรอกนะค่ะฝีมือคุณโจเค้า เค้าจะสั่งการมาค่ะ "คุณเขียน Blog ดิวันเนี้ย" แต่ถ้าถามกลับอยากให้เขียนเรื่องไรหละค่ะ จะได้คำตอบว่า "ไม่รู้ดิ แล้วแต่คุณ" ซะงั้น เราเลยตกลงกันว่าเราจะเขียนแต่คุณต้องเพิ่มเติมหรือแก้ไข เพราะ Blog นี้มันไม่ใช่เราคนเดียวแต่เป็นของเรา สองคน คุณเค้าก็ตกลงนะค่ะ เรามีหน้าที่ในการคิดเขียนเรื่องต่างๆที่มันเกิดขึ้นกับเราทั้งสองคน ส่วนใหญ่จะเอาแต่เรื่องดีๆมาเขียนทิ้งไว้ ส่วนเรื่องไม่ดีๆ เก็บไว้เครียกันก่อนนะค่ะ หาข้อสรุปได้จะนำมาเขียนไว้ให้เป็นอุทาหรณ์ อิอิอิ ^_^' แต่.... เรายังไม่เคยทะเลาะกันหนิ


วันนี้ก็เป็นอีกหนึ่งวันค่ะ ที่เราได้รับคำสั่งมาค่ะ " คุณเขียน Blog ให้เรื่องนึงนะ " ประโยคนี้เป็นประโยคก่อนที่เราจะเริ่มเขียนค่ะ นั้งคิดอยู่สักพักก็เขียนเรื่องนี้หละกันค่ะ "ที่มาของ Blog " เป็นอะไรที่ใกล้ตัว และ มันก็เป็นอีกเหตุการณ์ที่ผ่านเข้ามาในชีวิตของเรา สองคน ตอนนี้ วันนี้เรื่องนี้อาจจะไม่มีสีสันเท่าไหร่นะค่ะวันนี้คุณโจเค้ามีเรียน พรุ่งนี้สอบ น่าจะวันอังคารเลยหละค่ะ กว่าเรื่องนี้มันจะสมบูรณ์ ต้องรอการเติมเต็มก่อนนะค่ะ




ที่มาของBlog http://bazoogajoe.212cafe.com/archive/2010-07-24/blog
Dictionary : ที่มาของBlog

วันพฤหัสบดีที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

ข่าวประจำสัปดาห์ที่ 3

สร้าง blog เก็บข้อมูลส่วนตัวฟรีที่ Blogger.com


Blog เป็นเครื่องมือสำหรับเขียนบันทึกเหตุการณ์ส่วนตัว ชื่อเต็มๆ มาจาก Weblog

โดยคนที่เขียน blog เขาจะเรียกว่า blogger หรือ Weblogger

ที่จริงแล้วจะเรียกชื่ออะไรคงไม่ได้เกี่ยวข้องกับตัวเรามากนักเอาเป็นว่าให้พอรู้จักชื่อละกัน

หากท้าวความย้อนกลับไปในอดีต คนที่จะทำเว็บไซต์ส่วนตัวจะต้องศึกษาเครื่องมือเขียนเว็บอย่าง HTML หรือหากจะให้ง่ายหน่อยก็ใช้ทูลสำเร็จรูปอย่าง Dreamweaver, Frontpage ในการสร้างเว็บขึ้นมา หลังจากสร้างเสร็จจะต้องไปขอพื้นที่เว็บฟรีเพื่ออัปโหลดข้อมูลในเครื่องเราขึ้นไปเก็บอีกทีหนึ่ง จึงจะมีเว็บของตัวเองได้

สำหรับ blog ไม่เป็นเช่นนั้นผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องนั่งเขียนโค้ด หรือนั่งสร้างเว็บเอง อีกทั้งไม่จำเป็นต้องไปขอพื้นที่เว็บฟรี ก็สามารถมีเว็บไว้บันทึกเหตุการณ์ส่วนตัวได้แล้ว อีกทั้งสามารถเปลี่ยนรูปพื้นหลัง (template) ได้ด้วย ปัจจุบัน blog กำลังได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ บริษัททั้งเล็ก ใหญ่ต่างก็ทำเว็บบล็อกบริการในบริษัท เพื่อให้พนักงานเขียนบล็อกส่วนตัวได้

* โดยในเนื้อหาใน Blog นั้นจะส่วนประกอบสามส่วนคือ 1.หัวข้อ (Title) 2. เนื้อหา (Post หรือ Content) 3.วันที่เขียน (Date)


ประโยชน์หลักของ blog
• เป็นศูนย์ความรู้ของบริษัท เพราะให้พนักงานแต่ละคนเขียนบล็อกส่วนตัวไว้ หากพนักงานท่านนั้นลาออกไป ความรู้ยังคงอยู่ที่บริษัทให้รุ่นน้องศึกษา
• ใช้รายงานเหตุการณ์ หรือผลการทำงานว่าแต่ละวันได้ทำอะไรบ้าง
• ใช้ติดตามความคืบหน้าของงาน กรณีมีการทำงานร่วมกัน
• ใช้สำหรับโชวร์ ผลงานส่วนตัว หรือไซต์ส่วนตัว
• ใช้ทำเว็บไซต์ส่วนตัว / เว็บดาราดัง (เราอาจจะเป็นแฟนพันธุ์แท้ ใครสักคนก็สามารถทำได้สบาย )
• ใช้ทำเว็บรวมสถานที่ท่องเทียวในตัวจังหวัด หรือในอำเภอเล็กๆ ตามต่างจังหวัด
• ...

ตัวอย่างเว็บไซต์ ในลักษณะ Weblog
Mblog > weblog.manager.co.th
OpenTLE Blog > blog.opentle.org
Kapook Blog > www.kapookclub.com
BlogGang > www.bloggang.com
Exteen Blog > www.exteen.com
MSDN Blogs > blogs.msdn.com
Sun Blog > blogs.sun.com
OracleAppsBlog > www.oracleappsblog.com
Google Blog > googleblog.blogspot.com
IBM Developer Blog > www-106.ibm.com/developerworks/blogs

การสมัครเขียนบล็อกฟรี ที่ Blogger.com

1. เข้าสมัครสมาชิกได้ที่เว็บไซต์
http://www.blogger.com/



2. คลิกที่เริ่มสร้างบล็อกที่ CREATE YOUR BLOG NOW



3. กรอกรายละเอียดส่วนตัว ชื่อล็อกอิน / รหัสผ่าน / ชื่อบล็อก / อีเมล์
เสร็จแล้วคลิกปุ่ม Continue




4. ระบุรายละเอียดของบล็อก
Blog title : ระบุชื่อบล็อก
Blog address (URL) : ชื่อยูอาแอลสำหรับเรียกใช้งาน http://arnut.blogpot.com
World Verification : พิมพ์รหัสที่ระบบบอกมา
เสร็จแล้วคลิกปุ่ม
Continue



5 . ระบบจะแสดง Template ให้เลือกใช้งานหลายแบบ ให้ทำการคลิกเลือก Template ที่ต้องการ
เสร็จแล้วคลิกปุ่ม Continue



6 . ระบบแสดงข้อความกำลังทำการสร้าง blog ให้อยู่



7. ทำการสร้าง blog เสร็จแล้ว
ให้คลิกปุ่ม START POSTING เพื่อทดสอบเข้าใช้งาน



8. พิมพ์รายละเอียดข้อความแรกในบล็อก หลังพิมพ์ฺเสร็จสามารถคลิก preview ดูผลก่อนได้
เสร็จแล้วคลิกปุ่ม Publish Post




9. เสร็จสิ้นการติดตั้งเว็บบล็อก
ให้คลิกที่ View Blog เพื่อดูผล



10. แสดงบล็อกส่วนตัวที่สร้างเสร็จแล้ว
สังเกต url ด้านบนจะเป็น http://arnut.blogspot.com/



11. ที่นี้กรณีที่ต้องการเขียน Blog เพิ่มเติม หรือเข้าไปแก้ไข Blog สามารถล็อกอินเข้าได้ที่
http://www.blogger.com/startพิมพ์ชื่อ username / Password
เสร็จแล้วคลิกปุ่ม SIGN IN เพื่อเข้าระบบ



12. จะเข้าสู่หน้าต่างผู้ดูแลบล็อกสำหรับแก้ไข และปรับแต่งข้อมูลต่างๆ ดังรูป
ทำการแก้ไขข้อมูลต่างๆ ตามต้องการ


สรุป
ในการสร้างบล็อกนั้นสามารถทำได้สองแบบคือ
1. การติดตั้งโปรแกรมทำ Blog ขึ้นใช้งานเองสำหรับบริการพนักงานใน office เลย ตัวอย่างโปรแกรมสร้าง blog เช่น WordPress, b2evolution, Nucleus, pMachine, MyPHPblog, Movable Type, Geeklog, bBlog (วิธีนี้ท่านต้องมีเครื่องเว็บเซิร์ฟเวอร์ในการใช้งานเองอาจทำเป็น Intranet Blog หรือ Internet Blog ก็ได้)
2. การใช้งานบล็อกฟรี จากเว็บที่เปิดให้บริการ ปัจจุบันมีเว็บเปิดให้บริการหลายเว็บอาทิ เช่น
Blogger.com (en), Bloglines.com (en), Exteen.com (th), Bloggang.com(th)*
ในบทความนี้นำเสนอการสร้างบล็อกวิธีที่สองคือการใช้บล็อกฟรี โดยทดสอบจากเว็บ blogger.com จะเห็นได้ว่าการมีเว็บบล็อกเป็นของตัวเองไม่ช่ายเรื่องยากอีกต่อไป อีกทั้งผู้เขียนไม่จำเป็นต้องเขียนเว็บเป็นก็สามารถมีบล็อกส่วนตัวได้แล้ว โดยในการสร้างและเขียนบล็อกขึ้นมา ขึ้นอยู่กับสามัญสำนึกแต่ละท่าน ผู้เขียนขอให้ใช้ประโยชน์จากบล็อกในเชิงสร้างสรรค์ และ้ขอให้ทุกท่าน สนุกกับการเขียนบล็อกส่วนตัวครับ

ที่มาhttp://www.cmsthailand.com/docs/blogger_register.html

วันอาทิตย์ที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

ข่าวประจำสัปดาห์ที 2

ความหมายของคำว่า Blog ก็คือการบันทึกบทความของตนเอง (Personal Journal) ลงบนเว็บไซต์ โดยเนื้อหาของ blog นั้นจะครอบคลุมได้ทุกเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราวส่วนตัว หรือเป็นบทความเฉพาะด้านต่าง ๆ เช่น เรื่องการเมือง เรื่องกล้องถ่ายรูป เรื่องกีฬา เรื่องธุรกิจ เป็นต้น โดยจุดเด่นที่ทำให้บล็อกเป็นที่นิยมก็คือ ผู้เขียนบล็อก จะมีการแสดงความคิดเห็นของตนเอง ใส่ลงไปในบทความนั้น ๆ โดยบล็อกบางแห่ง จะมีอิทธิพลในการโน้มน้าวจิตใจผู้อ่านสูงมาก แต่ในขณะเดียวกัน บางบล็อกก็จะเขียนขึ้นมาเพื่อให้อ่านกันในกลุ่มเฉพาะ เช่นกลุ่มเพื่อน ๆ หรือครอบครัวตนเอง
มีหลายครั้งที่เกิดความเข้าใจกันผิดว่า Blog เป็นได้แค่ไดอารี่ออนไลน์ แต่ในความเป็นจริงแล้ว ไดอารี่ออนไลน์เปรียบเสมือน เนื้อหาประเภทหนึ่งของบล็อกเท่านั้น เพราะบล็อกมีเนื้อหาที่หลากหลายประเภท ตั้งแต่การบันทึกเรื่องส่วนตัวอย่างเช่นไดอารี่ หรือการบันทึกบทความที่ผู้เขียนบล็อกสนใจในด้านอื่นด้วย ที่เห็นชัดเจนคือ เนื้อหาบล็อกประเภท วิจารณ์การเมือง หรือการรีวิวผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ที่ตัวเองเคยใช้ หรือซื้อมานั่นเอง อีกทั้งยังสามารถ แตกแขนงไปในเนื้อหาในประเภทต่าง ๆ อีกมากมาย ตามแต่ความถนัดของเจ้าของบล็อก ซึ่งมักจะเขียนบทความเรื่องที่ตนเองถนัด หรือสนใจเป็นต้น
จุดเด่นที่สุดของ Blog ก็คือ มันสามารถเป็นเครื่องมือสื่อสารชนิดหนึ่ง ที่สามารถสื่อถึงความเป็นกันเองระหว่างผู้เขียนบล็อก และผู้อ่านบล็อกที่เป็นกลุ่มเป้าหมาย ที่ชัดเจนของบล็อกนั้น ๆ ผ่านทางระบบ comment ของบล็อกนั่นเอง
ในอดีตแรกเริ่ม คนที่เขียน Blog นั้นยังทำกันในระบบ Manual คือเขียนเว็บเองทีละหน้า แต่ในปัจจุบันนี้ มีเครื่องมือหรือซอฟท์แวร์ให้เราใช้ในการเขียน Blog ได้มากมาย เช่น WordPress, Movable Type เป็นต้น
ผู้คนหลายล้านคนจากทั่วทุกมุมโลก หันมาเขียน Blog กันอย่างแพร่หลาย ตั้งแต่นักเรียน อาจารย์ นักเขียน ตลอดจนถึงระดับบริษัทยักษ์ใหญ่ในตลาดหุ้น NasDaq
เมื่อสองสามปีที่ผ่านมา Blog เริ่มต้นมาจาก การเขียนเป็นงานอดิเรก ของกลุ่มสื่ออิสระต่าง ๆ หลาย ๆ แห่งกลายเป็นแหล่งข่าวสำคัญ ให้กับหนังสือพิมพ์หรือสำนักข่าวชั้นนำ จวบจนกระทั่งปี 2004 คนเขียน Blog ก็ได้รับการยอมรับจากสื่อและสำนักข่าวต่าง ๆ ถึงความรวดเร็วในการให้ข้อมูล ตั้งแต่เรื่องการเมือง ไปจนกระทั่ง เรื่องราวของการประชุม ระดับชาติ
และจากเหตุการณ์เหล่านี้ นับได้ว่า Blog เป็นสื่อชนิดหนึ่งที่ไม่ต่างจาก วีดีโอ , สิ่งพิมพ์ , โทรทัศน์ หรือแม้กระทั่งวิทยุ เราสามารถเรียกได้ว่า Blog ได้เข้ามาเป็นสื่อชนิดใหม่ ที่สำคัญอย่างแท้จริง
สรุปให้ง่าย ๆ สั้น ๆ ก็คือ Blog คือเว็บไซต์ ที่มีรูปแบบเนื้อหา เป็นเหมือนบันทึกส่วนตัวออนไลน์ มีส่วนของการ comments และก็จะมี link ไปยังเว็บอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องอีกด้วย
อ่านจบบทความนี้ คิดว่าหลาย ๆ ท่านน่าจะเข้าใจว่า Blog คืออะไร เพิ่มขึ้นมากแล้วนะครับ

วันจันทร์ที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

ฟุตบอลโลก 2010 / World Cup 2010


ปิดฉากเป็นที่เรียบร้อยแล้วสำหรับมหกรรมฟุตบอลโลก 2010 ที่ประเทศแอฟริกาใต้ พร้อมพิธีปิดสุดอลังการ ณ สนามซ็อคเกอร์ ซิตี้ สเตเดี้ยม ในเมืองโยฮันเนสเบิร์ก โดยเจ้าภาพจัดการแสดงด้านวัฒนธรรมของประเทศสร้างความประทับใจให้แด่ทุกสายตาของคนทั่วโลกที่ได้ชม เมื่อวันอาทิตย์ที่ 11 กรกฎาคม 2553ที่ผ่านมา โดยศึกฟุตบอลโลกครั้งนี้เป็นการสร้างประวัติศาสตร์ของ "กระทิงดุ" ทีมชาติสเปนซึ่งเฉือนเอาชนะทีมชาติฮอลแลนด์ 1:0ในช่วงต่อเวลาพิเศษจากการยิงของ อันเดรส อิเนียสต้า ส่งผลให้สเปนแชมป์ยูโร 2008 ครองถ้วยฟุตบอลโลกเป็นครั้งแรกและเป็นชาติที่ 8ที่ได้จารึกลงบนถ้วยฟุตบอลโลกใบนี้ แน่นอนสำหรับผู้ปราชัยอย่างฮอลแลนด์ต้องชอกช้ำเป็นครั้งที่3ที่ได้เข้าชิงชนะเลิศแต่ได้เป็นแค่พระรองเท่านั้นเอง แชมป์โลกสมัยที่10ของทวีปยุโรปครั้งนี้ฟีฟ่าได้มอบหมายให้ ฮาเวิร์ด เว็บบ์ผู้ตัดสินชาวอังกฤษได้เกียรติให้ตัดสินซึ่งทำหน้าที่ได้อย่างยอดเยี่ยม นอกจากนี้ทีมชาติสเปนเป็นชาติแรกที่แพ้ในนัดแรกรอบแบ่งกลุ่มแล้วสามารถคว้าแชมป์ในนัดสุดท้ายได้อีกด้วย สีสันแอฟริกาใต้ ฟุตบอล "จาบูลานี่" ซึ่งอาดิดาสผู้ผลิตชื่อดังได้ตั้งใจพัฒนาให้เป็นลูกฟุตบอลที่กลมที่สุดเท่าที่เคยมีมา ด้วยน้ำหนักที่เบาเพียง 440 กรัม สรุปแล้วกลับสร้างปัญหาให้กับนักเตะในการแข่งขันครั้งนี้ โดยนักเตะไม่สามารถควบคุมทิศทางในการยิงได้ดั่งใจ รวมทั้งผู้รักษาประตูที่บ่นอุบกันถ้วนหน้าว่าเป็นลูกฟุตบอลที่รับโคตรยาก นอกจากนี้ยังมีเพลงที่ใช้ในการเชียร์อีกด้วย ซึ่งที่โด่งดังและติดหูก็คือเพลง"วาก้า วาก้า"หรือที่แปลเป็นไทยว่า "ถึงเวลาของแอฟริกา" Waka Waka (Time For Africa)ของ ชากิร่า ยอดนักร้องสาวสวยสุดเซ็กซี่สตาร์ดังวัย 33 ปีชาว โคลัมเบีย เจ้าของฉายา "ลูกสาวแอฟริกา" นอกจากนี้ยังมี K Naan ศิลปินฮิพฮอพชาวแอฟริกันมาร่วมร้องเพลงบอลโลกที่มีชื่อว่า Wavin Flag รวมทั้งเพลง Oh Africa (World Cup 2010) ของนักร้องผิวหมึก Akon เรื่องสีสันในการเชียร์ครั้งนี้จะลืมพูดถึงไม่ได้เลยก็คือ "วูวูเซล่า"เสียงที่ดังก้องราวกับเสียงร้องจาก "พญาช้างสาร"ของ วูวูเซล่า อุปกรณ์การเชียร์ประเภทเป่าที่อาจมีความดังได้สูงสุดถึง 127 เดซิเบล ความรุนแรงมากพอถึงขั้นที่อาจทำให้ผู้ที่ได้ยินได้ฟัง "หูดับ" หรืออาจสูญเสียการได้ยินเป็นการถาวรไปเลยทีเดียว แต่ก็กลายเป็นสีสันที่ทุกคนต้องขนานนามกันอีกนานเมื่อพูดถึงฟุตบอลโลก 2010 คู่ชิงปี 2006 ตกรอบแรก สิ่งที่ทำให้คอบอลตกตะลึงคือ ทีมชาติอิตาลีแชมป์เก่าครั้งที่แล้วตกรอบแรกโดยเสมอถึง2นัดและแพ้ให้สโลวาเกียในนัดสุดท้ายรั้งอันดับ4ในกลุ่มเอฟหมดลายแชมป์เก่าไปอย่างผิดความคาดหมาย อีกทีมที่ต้องพูดถึงคือ ทีมชาติฝรั่งเศส นอกจากจะเป็นรองแชมป์เก่าที่กอดคอกันตกรอบแล้ว ยังมีปัญหาความแตกแยกภายในทีมเป็นของแถมจากแอฟริกาใต้อีกด้วย เรื่อง นิโคล่าส์ อเนลก้าดาวยิงประจำทีมโดนไล่กลับบ้านเนื่องจากมีปากเสียงกับโดเมเน็ตกุนซือของทีมทั้งๆที่ยังมีแมตช์การแข่งจันอีก1นัด ทำให้นักเตะไม่พอใจประท้วงด้วยการไม่ยอมลงฝึกซ้อม กลายเป็นเรื่องใหญ่เรื่องโตที่ต้องขายหน้าประชาชีและสร้างความอับอายให้แก่ประเทศของตัวเอง ผลงานของอังกฤษ เป็นทีมที่ถูกยกขึ้นเต็งคว้าแชมป์ ตั้งแต่การเข้ามาคุมทีมของ ฟาบิโอ คาเปลโล่ ถึงแม้จะผ่านเข้าสู่รอบน็อกเอ้าท์ก็ตามแต่ผลงานของ"สิงโตคำราม"กลับทำให้แฟนบอลน่าผิดหวังซะเหลือเกิน ฟอร์มที่เคยเห็นสุดยอดเมื่ออยู่ในสโมสรบนเกาะอังกฤษ ช่างแตกต่างราวฟ้ากับดินเมื่ออยู่ที่นี่ นักเตะไม่สามารถดึงความสามารถของตัวเองออกมาได้อย่างเต็มที่ แผนและการจัดตัวที่ผิดพลาดของกุนซือ การประสานงานที่ไม่ลงตัว นักเตะไร้ซึ่งจิตใจของนักสู้ทำให้นัดสุดท้ายพ่ายแพ้ให้กับเยอรมันอย่างราบคาบ 1:4 ต้องเดินคอตกกลับบ้านกันเลยทีเดียว ใช้เทคโนโลยีเข้าช่วย สืบเนื่องมาจากเกมที่อังกฤษแพ้เยอรมัน 1:4 มีลูกยิงเจ้าปัญหาเกิดขึ้นอีกครั้งเมื่อ แฟร้งค์ แลมพาร์ด ยิงบอลไปชนคานกระเด้งตกข้ามเส้นเข้าไปแล้ว แต่ผู้ตัดสินมองไม่ทัน เลยไม่เป่าให้เป็นประตู กลายเป็นที่วิจารณ์กันยกใหญ่ถึงการแก้ปัญหาแบบนี้ โดยมีข้อเสนอให้ฟีฟ่าให้กล้องวิดีโอเข้ามาช่วยตัดสินเพื่อช่วยตัดสินจังหวะปัญหาการทำฟาวล์ที่เกิดในกรอบเขตโทษอีกด้วย เวิลด์คัพ ดาวดับ ดาวเด่น ดาวดับ มีนักเตะหลายคนที่แฟนบอล และกูรูคาดการณ์ว่าจะโชว์ฟอร์มได้อย่างสุดยอดเป็นการประกาศศักดิ์ดาคุณภาพแข้งของตัวเองในเวทีครั้งนี้ แต่ทุกอย่างกลับตรงกันข้ามอย่างที่คิด เวย์น รูนี่ย์ นึกว่าจะยิงกระจายเหมือนยิงให้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ดวงชะตาของเจ้าหมูพลิ้วคงจะไม่ถูกกับบอลโลก ไม่สามารถยิงประตูคู่แข่งได้แม้แต่ลูกเดียว แถมจับลูกฟุตบอลไม่อยู่กับเท้าเหมือนคนที่เล่นบอลไม่เป็นก็ไม่ปาน คริสเตียโน่ โรนัลโด้ จอมสับแหลกแม้ได้เป็นแมน ออฟ เดอะ แมตช์ติดกันถึง 3 เกม แต่ก็ไม่ทำให้โรนัลโด้พาโปรตุเกสไปไกลกว่ารอบ 16 ทีม แถมนิสัยที่ขี้วีนใส่นักข่าว และความไม่มีความเป็นผู้นำทำให้เจ้าหล่อนต้องโดนปลดจากกัปตันทีมชาติฝอยทอง ฟร้องค์ ริเบรี่ พาเยิร์นคว้าแชมป์มาหมาดๆ แต่ใน 3 เกมที่เขาลงสนามแทบไม่มีผลงานที่เป็นชิ้นเป็นอัน หรือเป็นเพราะปัญหาในทีมจึงทำให้ไอ้หน้าบากเลื้อยไม่ออก เฟอร์นานโด ตอร์เรส ทั้งหล่อทั้งเทพขวัญใจแฟนหงส์แดงตั้งแต่หายจากอาการบาดเจ็บมาตอร์เรสเหมือนกลายเป็นคนละคน ถึงแม้ทีมชาติสเปนของเขาจะได้แชมป์โลกแต่นับได้เลยว่าพี่แกลงเป็นตัวจริงซักกี่นัดเชียว นัดสุดท้ายก็ลงไปเล่นช่วงต่อเวลาพิเศษแทนที่ดาวิด บีญ่า จนเกิดอาการบาดเจ็บอีกรอบ ไม่น่าเชื่อว่าเอลนินโญ่จะไร้ซึ่งสกอร์ในทัวร์นาเม้นท์นี้ ริคาร์โด้ กาก้า คนนี้ก็หล่อน้อยกว่ากันที่ไหนล่ะ ลีลาการลากเลื้อยที่สวยงามสไตล์บราซิล การผ่านบอลให้เพื่อนที่แม่นยำฟุตบอลโลกครั้งนี้แทบไม่เห็นจากกาก้าเลย ลีโอเนล เมสซี่ นักเตะยอดเยี่ยมปีล่าสุดของฟีฟ่าต้องหลั่งน้ำตาปล่อยโฮขนานใหญ่หลังอาร์เจนติน่าปราชัยให้เยอรมันแบบไร้ทางต่อกร ใช่ว่าฟอร์มการเล่นของเมสซี่จะเป็นดาวดับในฟุตบอลโลกครั้งนี้ เพราะเขานับเป็นนักเตะที่ครองบอลและยิงเข้ากรอบได้มากที่สุดในรอบแบ่งกลุ่ม แต่เทคติกของเสือเตี้ยต่างหากที่คอยพึ่งนักเตะเพียงคนเดียว(ดูจากสถิติการเลี้ยงบอลผ่านคู่ต่อสู้ได้มากที่สุด)ทั้งๆที่ฟุตบอลต้องเล่นเป็นทีม มาราโดน่าใช้มาตรฐานความสามารถของตัวสมัยหนุ่มๆบวกกับแนวคิดของฟุตบอลสมัยเก่ามาใช้กับทีมตัวเองจนต้องพังพ่ายทำให้เมสซี่จวนจะเสีย.... ดาวเด่น แน่นอนยังมีดาวรุ่งอีกหลายดวงที่รอเปล่งแสง เตะตาหมามอง แมวมอง ในรายการระดับโลกอย่างนี้ คนแรกต้องนี่เลย โธมัส มุลเลอร์ มิดฟิลด์ตัวรุกวัย 20 ปีสามารถทดแทนการขาดหายไปของกัปตันทีมมิเชล บัลลัคที่มีอาการบาดเจ็บ ดาวซัลโวฟุตบอลโลก 2010ซัดให้เยอรมัน 5 ประตูเทียบเท่า ดาวิด บีญ่า, เวสลี่ย์ สไนจ์เดอร์, ดีเอโก้ ฟอร์ลัน แต่จ่ายให้เพื่อนมากกว่าเลยได้ครองดาวซัลโวไปครอง เล่นดีขนาดนี้บาเยิร์นก็ต้องหวงเป็นธรรมดา พ่วงมากับเพื่อนร่วมชาติอย่าง เมซุต โอซิล มิดฟิลด์ตาปรือที่ได้ลงครบทั้ง 7 แมตช์การแข่งขันความเร็ว และทักษะการเลี้ยงบอลที่ยอดเยี่ยมกำลังเป็นที่หมายปองของทีมยักษ์หลายๆทีม เคซึเกะ ฮอนดะ เป็นความภาคภูมิใจของชาวเอเชีย หลังเป็นกำลังสำคัญช่วยให้ญี่ปุ่นมาเล่นฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายได้ และเข้าลึกถึงรอบน็อกเอ้าท์ซัดไป 2 ประตู แต่เสียดายที่แพ้จุดโทษปารากวัย แต่สิ่งสำคัญคือ ฮอนดะ ได้แสดงให้ชาวโลกได้เห็นว่า "แข้งเอเชีย" ไม่ใช่กระจอก ฮาเวียร์ เฮอร์นานเดซ ดาวยิงเม็กซิโกซึ่งเซ็นสัญญาเป็นนักเตะใหม่ของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดแล้ว การยิง 2 ประตูในฟุตบอลโลกทำให้ท่านเซอร์พึงพอใจกับฟอร์มของ "เจ้าถั่วน้อย" เป็นอย่างมาก แถมมีค่าเฉลี่ยการวิ่งในสนามเร็วที่สุดมากกว่า คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ในรายการนี้อีกด้วย เวิร์ลดคัพ..อัพค่าตัว บาร์เซโลน่าเหมือนเป็นนกรู้ เมื่อจัดการเซ็นสัญญาคว้าตัว ดาวิด บีญ่า ดาวยิงสเปนร่วมทัพก่อนศึกฟุตบอลโลกจะระเบิดขึ้น ซึ่งแน่นอนบีญ่าซัด 5 ประตูเทียบเท่าดาวซัลโวทำให้มูลค่าแข้งของเขาเพิ่มขึ้นแน่นอน แต่บาร์ซ่าก็นิ่งนอนใจได้เพราะสัญญามีการเซ็นรับรองเรียบร้อยแล้ว เช่นเดียวกับนักเตะหลายๆคนที่ฟอร์มดีไม่ว่าจะเป็น ดีเอโก้ ฟอร์ลัน นักเตะยอดเยี่ยมประจำบอลโลก2010, โธมัส มุลเลอร์ ดาวรุ่งควบดาวซัลโว, ดั๊กลาส ไมค่อนแบ็กจอมบุกของบราซิล, หลุยส์ ฟาเบียโน่, เวสลี่ย์ สไนจ์เดอร์ซัลโว5เม็ดเหมือนกัน, อาร์เยน ร็อบเบนปีกฮอลแลนด์ที่ลากเลื้อยได้สะเด่า, อันเดรส อิเนียสต้าฮีโร่สเปน รวมทั้ง หลุยส์ ซัวเรส และนักเตะคนอื่นๆ ต้นสังกัดต่างก็ต้องรักษาเพื่อเป็นสมบัติอันล้ำค่าประดับสโมสรไว้ หรือถ้าจะขายทีมที่จะซื้อก็ต้องจ่ายราคางามๆกันหน่อย เจ้าพอล ปลาหมึกหมอดู เล่นเอาอึ้งไปตามๆกันสำหรับ "เจ้าพอล" ปลาหมึกยักษ์สัญชาติอังกฤษซึ่งอาศัยอยู่ในพิพิธภัณฑ์ที่เยอรมัน ซึ่งได้ทำการทายผลการแข่งขันล่วงหน้าแต่ละแมตช์ที่เยอรมันลงแข่งขัน ซึ่งเกมแรกก็คิดว่าเป็นเรื่องบังเอิญ พอเกมที่สองก็คิดว่าฟลุ๊ค แต่สุดท้ายจนสิ้นสุดการชิงแชมป์ ปรากฏว่า "เจ้าพอล"สามารถทำนายล่วงหน้าได้ถูกตั้งแต่นัดแรกจนถึงนัดสุดท้ายรวมทั้งหมด 8 เกม ซึ่งเป็นการทำนายถูก 100% ถึงแม้ว่าเจ้าพอลจะทำนายแม่นก็เถอะ เป็นธรรมดาที่ทีมชาติที่เจ้าพอลได้เลือกจะเป็นที่ชื่นชอบกันทั้งชาติ ส่วนอีกฝั่งก็ต้องเกลียดมันทั้งชาติเหมือนกัน...เฮ้อ....สัตว์มันอยู่ของมันดีๆ......มนุษย์สิ! สรุป 8 นัดที่หมึกพอลทายผล 1.เยอรมัน 4:0 ออสเตรเลีย >> เลือกเยอรมัน 2. เยอรมัน 0:1 เซอร์เบีย >> เลือกเซอร์เบีย 3. กาน่า 0:1 เยอรมัน >> เลือกเยอรมัน 4. เยอรมัน 4:1 อังกฤษ >> เลือกเยอรมัน 5. อาร์เจนติน่า 0:4 เยอรมัน >> เลือกเยอรมัน 6. เยอรมัน 0:1 สเปน >> เลือกสเปน 7.นัดชิงที่ 3 อุรุกวัย 2:3 เยอรมัน >> เลือกเยอรมัน 8.นัดชิงที่ 1 ฮอลแลนด์ 0:1 สเปน >> เลือกสเปน สถิติที่น่าสนใจ แชมป์ฟุตบอลโลก 2010 : ทีมชาติสเปน (ครั้งแรก) รองแชมป์ : ทีมชาติฮอลแลนด์ (ครั้งที่3) ดาวซัลโว 5 ประตู : โธมัส มุลเลอร์(เยอรมัน), ดาวิด บีญ่า(สเปน), เวสลี่ย์ สไนจ์เดอร์(ฮอนแลนด์), ดีเอโก้ ฟอร์ลัน(อุรุกวัย) นักเตะที่ขยันยิง : อาซาโมอาห์ กียาน(กาน่า) 33 ครั้ง นักเตะที่อายุมากที่สุด : เดวิด เจมส์(อังกฤษ) 1 สิงหาคม 1970 อายุ 39 ปี นักเตะที่อายุน้อยที่สุด : คริสเตียน อีริคเซ่น(เดนมาร์ก) 14 กุมภาพันธ์ 1992 อายุ 18 ปี นักเตะที่สูงสุด : นิโคล่า ซิกิซ(เซอร์เบีย) 202 เซนติเมตร นักเตะที่เตี้ยสุด : อารอน เลนน่อน(อังกฤษ) 165 เซนติเมตร ผู้รักษาประตูที่เซฟมากที่สุด : ราชาร์ด คิงสัน(กาน่า)24 ครั้ง นักเตะที่เล่นให้3ชาติในฟุตบอลโลก : เดยัน สแตนโกวิช(เซอร์เบีย 2010, เซอร์เบีย แอนด์ มอนเตเนโกร 2006, ยูโกสลาเวีย 1998) ประตูแรกของฟุตบอลโลก 2010 : ซิฟิเว่ ชาบาลาล่า(แอฟริกาใต้) ยิงเม็กซิโกนัดเปิดสนาม นาทีที่ 55 ประตูสุดท้ายของฟุตบอลโลก 2010 : อันเดรส อิเนียสต้า(สเปน) ซัดนาทีที่ 117ชนะฮอลแลนด์นัดชิงชนะเลิศ ทีมที่ยิงได้มากที่สุด : เยอรมัน 16 ประตู ทีมที่ขยันยิงมากที่สุด : สเปน 121 ครั้ง ทีมที่ยิงตรงกรอบมากที่สุด : อุรุกวัย 46 ครั้ง ทีมที่ยิงประตูไม่ได้เลย : แอลจีเรีย, ฮอนดูรัส ทีมที่ฟาวล์มากที่สุด : ฮอลแลนด์ 126 ครั้ง ทีมที่ล้ำหน้ามากที่สุด : ฮอลแลนด์ 29 ครั้ง ทีมที่เตะมุมมากที่สุด : สเปน 56 ครั้ง ทีมที่ใบเหลือง-ใบแดงมากที่สุด : ฮอลแลนด์ 23 ใบ ทีมที่ใบเหลือง-ใบแดงน้อยที่สุด : เกาหลีเหนือ 2 ใบ เกมที่ยิงประตูกันมากสุด : โปรตุเกส 7-0 เกาหลีเหนือ ประตูที่เกิดขึ้นทั้งหมดในฟุตบอลโลก 2010 : 145 ประตู เป็นจุดโทษซะ 9 ประตู รางวัลนักเตะยอดเยี่ยม The adidas Golden Ball : ดีเอโก้ ฟอร์ลัน (อุรุกวัย) รางวัลดาวรุ่งยอดเยี่ยม : โธมัส มุลเลอร์ (เยอรมัน) รางวัลรองเท้าทองคำดาวซัลโว The adidas Golden Boot : โธมัส มุลเลอร์(เยอรมัน) 5 ประตู รางวัล The FIFA Fair Play Award : สเปน รางวัลผู้รักษาประตูยอดเยี่ยม The adidas Golden Glove : อีเกร์ คาซิยาส ผู้เล่นที่ถูกไล่ออกจากสนามคนแรก(เหลือง-แดง) : นิโคลัส โลเดโร่ (อุรุกวัย) ผู้เล่นที่รับใบเหลืองคนแรก : เอเฟรน คัวเรซ (เม็กซิโก) ทีมที่ชนะเป็นทีมแรก : เกาหลีใต้ (ชนะ 2:0 กรีซ) คู่ที่เสมอแบบไร้สกอร์คู่แรก : อุรุกวัย 0:0 ฝรั่งเศส ผู้รักษาประตูคนแรกที่ได้เป็นแมน ออฟ เดอะ แมตช์ : วินเซนต์ เอ็นเยียม่า (มือกาวไนจีเรีย) ผู้เล่นที่ได้รับบาดเจ็บเป็นคนแรก : ตาเย่ ตาอิโว (ไนจีเรีย) ผู้เล่นที่ถูกเปลี่ยนตัวออกคนแรก : ลูคัส บองกาเน่ ธวาล่า (แอฟริกาใต้) เซโป มาซิเลล่า ลงมาแทน ทีมที่ใช้กัปตันทีมเปลืองสุด : ทีมชาติกรีซ ผู้เล่นที่ยิงลูกจุดโทษคนแรก : อซาโมอาห์ กียาน (กาน่า) ผู้เล่นคนแรกที่โดนใบแดงไล่ออกจากสนาม : ทิม เคฮิลล์ (ออสเตรเลีย) ทีมที่เสียจุดโทษเป็นทีมแรก : ทีมชาติเซอร์เบีย ผู้เล่นที่เลือดออกคนแรก : เกล็น จอห์นสัน ปากแตกต้องออกไปเปลี่ยนเสื้อ (อังกฤษ 1:1 สหรัฐฯ) ทีมแรกที่ชนะโซนแอฟริกา : กาน่า ( กาน่า 1:0 เซอร์เบีย ) ทีมแรกที่ชนะโซนเอเชีย : เกาหลีใต้ ( เกาหลีใต้ 2:0 กรีซ) ทีมแรกที่ชนะโซนยุโรป : เยอรมัน ( เยอรมัน 4:0 ออสเตรเลีย ) ทีมแรกที่ชนะโซนอเมริกาใต้ : อาร์เจนติน่า ผู้เล่นที่ทำเข้าประตูตัวเองคนแรก : ดาเนี่ยล แอ็กเกอร์ (เดนมาร์ก) นายทวารที่รับพลาดเป็นคนแรก : โรเบิร์ต กรีน (อังกฤษ) ทีมที่ใช้นักเตะตระกูลเดียวกันมากสุด : ฮอนดูรัส (เจอร์รี่,วิลสัน และ จอห์นนี่ ปาลาซิออส) ทีมแรกที่ชนะสองนัดรวด : อาร์เจนติน่า ผู้เล่นคนแรกที่ยิงแฮตทริกได้ : กอนซาโล่ อิกัวอิน (อาร์เจนติน่า 4:1 เกาหลีใต้) ทีมแรกที่กระเด็นตกรอบแรกก่อนใคร : ทีมชาติแคเมอรูน ผู้เล่นที่ยิงจุดโทษพลาดคนแรก : ลูคัส โพดอลสกี้ ทีมแรกที่ไม่เสียประตูนานสุดพร้อมทุบสถิติ : ทีมชาติสวิสเชอร์แลนด์ ( 551น. ) ผู้ตัดสินที่ถูกแบนคนแรก : โคมัน คูลิบาลี (ชาวมาลี) ผู้เล่นที่รับบทกัปตันอายุน้อยสุด : ลีโอเนล เมสซี่ (อาร์เจนติน่า) ในเกมชนะ กรีซ 2:0 ผู้เล่นได้รับแมนออฟเดอะแมตช์ทุกนัดที่ลงสนามรอบแรก : คริสเตียโน่ โรนัลโด้ (โปรตุเกส) ผู้เล่นที่ยิงแม่นเลี้ยงหลบเยอะ(ฟีฟ่า) : ลีโอเนล เมสซี่ (อาร์เจนติน่า) ผู้เล่นที่สปี๊ดไวสุด(ฟีฟ่า) : ฮาเวียร์ เฮอร์นานเดซ (ทีมชาติเม็กซิโก) ลูกชิพยิงจุดโทษเหนือชั้นที่สุดในรอบ 34 ปี (เอพี) : เซบาสเตียน อาบรู (อุรุกวัย) World Cup 2010 Final : Spain crowned world champions Andres Iniesta dramatically fired Spain to World Cup glory with the only goal of the game deep into extra-time against Netherlands.

ดาบิด บีญ่า- เฟอร์นานโด ตอร์เรส /David Villa - Fernando Torres


ดาบิด บีญ่า- เฟอร์นานโด ตอร์เรส /David Villa - Fernando Torres เฟอร์นานโด ตอร์เรส ดาวยิง"หงส์แดง" ลิเวอร์พูล ได้ตกเป็นข่าวย้ายทีมมาตั้งแต่จบฤดูกาล เหตุ ลิเวอร์พูล ผลงานย่ำแย่ในฤดูกาลที่ผ่านมา โดยมีสโมสรยักษ์ใหญ่อย่าง เชลซี, แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และ บาร์ซ่า ที่แสดงความสนใจ และล่าสุด ดาบิด บีย่า หัวหอกเพื่อนร่วมทีมชาติสเปน ที่เพิ่งเป็นแข้งป้ายแดงของ "เจ้าบุญทุ่ม" ก็ออกมาเผยว่า ตอร์เรส อาจตัดสินใจอำลา "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล และอาจเลือกย้ายไปไปร่วมทีม เชลซี หรือ บาร์เซโลน่า เพื่อความสำเร็จ มากกว่าที่จะทำเพื่อเงิน ดังนั้น "เรือใบสีฟ้า" จึงน่าจะหมดสิทธิอย่างแน่นอน "ผมไม่แน่ใจว่าอนาคตของเขาจะอยู่หรือไป แต่ผมว่าเขาเหมือนกับผมต้องการคว้าแชมป์ในระดับสโมสร เขาไม่ได้คิดถึงเรื่องเงิน และเขาจะไม่ย้ายไป แมนเชสเตอร์ ซิตี้ แต่ผมแน่ใจว่า เชลซี และ บาร์เซโลน่า จะเป็นตัวเลือกที่แท้จริงสำหรับเขา เขาได้พิสูจน์แล้วว่าเขาสามารถยิงประตูได้ในอังกฤษ และ เชลซี ก็เป็นทีมอันดับ 1 ในตอนนี้ ดังนั้น ผมคิดว่ามันเป็นตัวเลือกที่เป็นไปได้มากที่สุด "ดาบิด บีย่า เผย
David Villa Claims Spain Team-Mate Fernando Torres Could Swap Liverpool For Chelsea Or Barcelona, But Not Manchester City Barcelona striker David Villa believes that his Spain team-mate Fernando Torres will not join Manchester City if he decides to leave Liverpool this summer, but that possible moves to Chelsea or Barca cannot be ruled out.

วันอาทิตย์ที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

ข่าวสารประจำสัปดาห์ที่1

Blog
From Wikipedia, the free encyclopedia
Jump to: navigation, search
This article is about the type of website. For other uses, see Blog (disambiguation).


Journalism
News · Writing styleEthics · ObjectivityValues · AttributionDefamationEditorial independenceJournalism school
List ofjournalism articles
Areas
Arts · BusinessEntertainmentEnvironmentFashion · MedicinePolitics · ScienceSports · TechnicalTrade · TrafficWeather
Genres
Advocacy · BroadcastCitizen · CivicCollaborative · CommunityDatabase · GonzoInvestigative · LiteraryMuckraking · Narrative"New Journalism"Online · OpinionPeace · PhotojournalismVisual · Watchdog
Social impact
Fourth EstateFreedom of the pressInfotainment · Media biasPublic relationsYellow journalism
News media
Newspapers · MagazinesNews agenciesAlternative media
Roles
Journalist · ReporterEditor · ColumnistCopy editorMeteorologistNews presenterPhotographerPolitical commentator
Category: Journalism
vde
A blog (a portmanteau of the term "web log")[1] is a type of website or part of a website. Blogs are usually maintained by an individual with regular entries of commentary, descriptions of events, or other material such as graphics or video. Entries are commonly displayed in reverse-chronological order. "Blog" can also be used as a verb, meaning to maintain or add content to a blog.
Many blogs provide commentary or news on a particular subject; others function as more personal online diaries. A typical blog combines text, images, and links to other blogs, Web pages, and other media related to its topic. The ability of readers to leave comments in an interactive format is an important part of many blogs. Most blogs are primarily textual, although some focus on art (Art blog), photographs (photoblog), videos (Video blogging), music (MP3 blog), and audio (podcasting). Microblogging is another type of blogging, featuring very short posts.
As of December 2007, blog search engine Technorati was tracking more than 112,000,000 blogs.[2]
Contents[hide]
1 History
1.1 Origins
1.2 Rise in popularity
1.3 Political impact
1.4 Mainstream popularity
2 Types
3 Community and cataloging
4 Popularity
5 Blurring with the mass media
6 Legal and social consequences
6.1 Defamation or liability
6.2 Employment
6.3 Political dangers
6.4 Personal safety
7 See also
8 References
9 Further reading
10 External links
//
History
Main articles: History of blogging and online diary
The term "weblog" was coined by Jorn Barger[3] on 17 December 1997. The short form, "blog," was coined by Peter Merholz, who jokingly broke the word weblog into the phrase we blog in the sidebar of his blog Peterme.com in April or May 1999.[4][5][6] Shortly thereafter, Evan Williams at Pyra Labs used "blog" as both a noun and verb ("to blog," meaning "to edit one's weblog or to post to one's weblog") and devised the term "blogger" in connection with Pyra Labs' Blogger product, leading to the popularization of the terms.[7]
Origins
Before blogging became popular, digital communities took many forms, including Usenet, commercial online services such as GEnie, BiX and the early CompuServe, e-mail lists[8] and Bulletin Board Systems (BBS). In the 1990s, Internet forum software, created running conversations with "threads." Threads are topical connections between messages on a virtual "corkboard."
The modern blog evolved from the online diary, where people would keep a running account of their personal lives. Most such writers called themselves diarists, journalists, or journalers. Justin Hall, who began personal blogging in 1994 while a student at Swarthmore College, is generally recognized as one of the earliest bloggers,[9] as is Jerry Pournelle.[citation needed] Dave Winer's Scripting News is also credited with being one of the oldest and longest running weblogs.[10][11] Another early blog was Wearable Wireless Webcam, an online shared diary of a person's personal life combining text, video, and pictures transmitted live from a wearable computer and EyeTap device to a web site in 1994. This practice of semi-automated blogging with live video together with text was referred to as sousveillance, and such journals were also used as evidence in legal matters.
Early blogs were simply manually updated components of common Web sites. However, the evolution of tools to facilitate the production and maintenance of Web articles posted in reverse chronological order made the publishing process feasible to a much larger, less technical, population. Ultimately, this resulted in the distinct class of online publishing that produces blogs we recognize today. For instance, the use of some sort of browser-based software is now a typical aspect of "blogging". Blogs can be hosted by dedicated blog hosting services, or they can be run using blog software, or on regular web hosting services.
Some early bloggers, such as The Misanthropic Bitch, who began in 1997, actually referred to their online presence as a zine, before the term blog entered common useage.