วันจันทร์ที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

ฟุตบอลโลก 2010 / World Cup 2010


ปิดฉากเป็นที่เรียบร้อยแล้วสำหรับมหกรรมฟุตบอลโลก 2010 ที่ประเทศแอฟริกาใต้ พร้อมพิธีปิดสุดอลังการ ณ สนามซ็อคเกอร์ ซิตี้ สเตเดี้ยม ในเมืองโยฮันเนสเบิร์ก โดยเจ้าภาพจัดการแสดงด้านวัฒนธรรมของประเทศสร้างความประทับใจให้แด่ทุกสายตาของคนทั่วโลกที่ได้ชม เมื่อวันอาทิตย์ที่ 11 กรกฎาคม 2553ที่ผ่านมา โดยศึกฟุตบอลโลกครั้งนี้เป็นการสร้างประวัติศาสตร์ของ "กระทิงดุ" ทีมชาติสเปนซึ่งเฉือนเอาชนะทีมชาติฮอลแลนด์ 1:0ในช่วงต่อเวลาพิเศษจากการยิงของ อันเดรส อิเนียสต้า ส่งผลให้สเปนแชมป์ยูโร 2008 ครองถ้วยฟุตบอลโลกเป็นครั้งแรกและเป็นชาติที่ 8ที่ได้จารึกลงบนถ้วยฟุตบอลโลกใบนี้ แน่นอนสำหรับผู้ปราชัยอย่างฮอลแลนด์ต้องชอกช้ำเป็นครั้งที่3ที่ได้เข้าชิงชนะเลิศแต่ได้เป็นแค่พระรองเท่านั้นเอง แชมป์โลกสมัยที่10ของทวีปยุโรปครั้งนี้ฟีฟ่าได้มอบหมายให้ ฮาเวิร์ด เว็บบ์ผู้ตัดสินชาวอังกฤษได้เกียรติให้ตัดสินซึ่งทำหน้าที่ได้อย่างยอดเยี่ยม นอกจากนี้ทีมชาติสเปนเป็นชาติแรกที่แพ้ในนัดแรกรอบแบ่งกลุ่มแล้วสามารถคว้าแชมป์ในนัดสุดท้ายได้อีกด้วย สีสันแอฟริกาใต้ ฟุตบอล "จาบูลานี่" ซึ่งอาดิดาสผู้ผลิตชื่อดังได้ตั้งใจพัฒนาให้เป็นลูกฟุตบอลที่กลมที่สุดเท่าที่เคยมีมา ด้วยน้ำหนักที่เบาเพียง 440 กรัม สรุปแล้วกลับสร้างปัญหาให้กับนักเตะในการแข่งขันครั้งนี้ โดยนักเตะไม่สามารถควบคุมทิศทางในการยิงได้ดั่งใจ รวมทั้งผู้รักษาประตูที่บ่นอุบกันถ้วนหน้าว่าเป็นลูกฟุตบอลที่รับโคตรยาก นอกจากนี้ยังมีเพลงที่ใช้ในการเชียร์อีกด้วย ซึ่งที่โด่งดังและติดหูก็คือเพลง"วาก้า วาก้า"หรือที่แปลเป็นไทยว่า "ถึงเวลาของแอฟริกา" Waka Waka (Time For Africa)ของ ชากิร่า ยอดนักร้องสาวสวยสุดเซ็กซี่สตาร์ดังวัย 33 ปีชาว โคลัมเบีย เจ้าของฉายา "ลูกสาวแอฟริกา" นอกจากนี้ยังมี K Naan ศิลปินฮิพฮอพชาวแอฟริกันมาร่วมร้องเพลงบอลโลกที่มีชื่อว่า Wavin Flag รวมทั้งเพลง Oh Africa (World Cup 2010) ของนักร้องผิวหมึก Akon เรื่องสีสันในการเชียร์ครั้งนี้จะลืมพูดถึงไม่ได้เลยก็คือ "วูวูเซล่า"เสียงที่ดังก้องราวกับเสียงร้องจาก "พญาช้างสาร"ของ วูวูเซล่า อุปกรณ์การเชียร์ประเภทเป่าที่อาจมีความดังได้สูงสุดถึง 127 เดซิเบล ความรุนแรงมากพอถึงขั้นที่อาจทำให้ผู้ที่ได้ยินได้ฟัง "หูดับ" หรืออาจสูญเสียการได้ยินเป็นการถาวรไปเลยทีเดียว แต่ก็กลายเป็นสีสันที่ทุกคนต้องขนานนามกันอีกนานเมื่อพูดถึงฟุตบอลโลก 2010 คู่ชิงปี 2006 ตกรอบแรก สิ่งที่ทำให้คอบอลตกตะลึงคือ ทีมชาติอิตาลีแชมป์เก่าครั้งที่แล้วตกรอบแรกโดยเสมอถึง2นัดและแพ้ให้สโลวาเกียในนัดสุดท้ายรั้งอันดับ4ในกลุ่มเอฟหมดลายแชมป์เก่าไปอย่างผิดความคาดหมาย อีกทีมที่ต้องพูดถึงคือ ทีมชาติฝรั่งเศส นอกจากจะเป็นรองแชมป์เก่าที่กอดคอกันตกรอบแล้ว ยังมีปัญหาความแตกแยกภายในทีมเป็นของแถมจากแอฟริกาใต้อีกด้วย เรื่อง นิโคล่าส์ อเนลก้าดาวยิงประจำทีมโดนไล่กลับบ้านเนื่องจากมีปากเสียงกับโดเมเน็ตกุนซือของทีมทั้งๆที่ยังมีแมตช์การแข่งจันอีก1นัด ทำให้นักเตะไม่พอใจประท้วงด้วยการไม่ยอมลงฝึกซ้อม กลายเป็นเรื่องใหญ่เรื่องโตที่ต้องขายหน้าประชาชีและสร้างความอับอายให้แก่ประเทศของตัวเอง ผลงานของอังกฤษ เป็นทีมที่ถูกยกขึ้นเต็งคว้าแชมป์ ตั้งแต่การเข้ามาคุมทีมของ ฟาบิโอ คาเปลโล่ ถึงแม้จะผ่านเข้าสู่รอบน็อกเอ้าท์ก็ตามแต่ผลงานของ"สิงโตคำราม"กลับทำให้แฟนบอลน่าผิดหวังซะเหลือเกิน ฟอร์มที่เคยเห็นสุดยอดเมื่ออยู่ในสโมสรบนเกาะอังกฤษ ช่างแตกต่างราวฟ้ากับดินเมื่ออยู่ที่นี่ นักเตะไม่สามารถดึงความสามารถของตัวเองออกมาได้อย่างเต็มที่ แผนและการจัดตัวที่ผิดพลาดของกุนซือ การประสานงานที่ไม่ลงตัว นักเตะไร้ซึ่งจิตใจของนักสู้ทำให้นัดสุดท้ายพ่ายแพ้ให้กับเยอรมันอย่างราบคาบ 1:4 ต้องเดินคอตกกลับบ้านกันเลยทีเดียว ใช้เทคโนโลยีเข้าช่วย สืบเนื่องมาจากเกมที่อังกฤษแพ้เยอรมัน 1:4 มีลูกยิงเจ้าปัญหาเกิดขึ้นอีกครั้งเมื่อ แฟร้งค์ แลมพาร์ด ยิงบอลไปชนคานกระเด้งตกข้ามเส้นเข้าไปแล้ว แต่ผู้ตัดสินมองไม่ทัน เลยไม่เป่าให้เป็นประตู กลายเป็นที่วิจารณ์กันยกใหญ่ถึงการแก้ปัญหาแบบนี้ โดยมีข้อเสนอให้ฟีฟ่าให้กล้องวิดีโอเข้ามาช่วยตัดสินเพื่อช่วยตัดสินจังหวะปัญหาการทำฟาวล์ที่เกิดในกรอบเขตโทษอีกด้วย เวิลด์คัพ ดาวดับ ดาวเด่น ดาวดับ มีนักเตะหลายคนที่แฟนบอล และกูรูคาดการณ์ว่าจะโชว์ฟอร์มได้อย่างสุดยอดเป็นการประกาศศักดิ์ดาคุณภาพแข้งของตัวเองในเวทีครั้งนี้ แต่ทุกอย่างกลับตรงกันข้ามอย่างที่คิด เวย์น รูนี่ย์ นึกว่าจะยิงกระจายเหมือนยิงให้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ดวงชะตาของเจ้าหมูพลิ้วคงจะไม่ถูกกับบอลโลก ไม่สามารถยิงประตูคู่แข่งได้แม้แต่ลูกเดียว แถมจับลูกฟุตบอลไม่อยู่กับเท้าเหมือนคนที่เล่นบอลไม่เป็นก็ไม่ปาน คริสเตียโน่ โรนัลโด้ จอมสับแหลกแม้ได้เป็นแมน ออฟ เดอะ แมตช์ติดกันถึง 3 เกม แต่ก็ไม่ทำให้โรนัลโด้พาโปรตุเกสไปไกลกว่ารอบ 16 ทีม แถมนิสัยที่ขี้วีนใส่นักข่าว และความไม่มีความเป็นผู้นำทำให้เจ้าหล่อนต้องโดนปลดจากกัปตันทีมชาติฝอยทอง ฟร้องค์ ริเบรี่ พาเยิร์นคว้าแชมป์มาหมาดๆ แต่ใน 3 เกมที่เขาลงสนามแทบไม่มีผลงานที่เป็นชิ้นเป็นอัน หรือเป็นเพราะปัญหาในทีมจึงทำให้ไอ้หน้าบากเลื้อยไม่ออก เฟอร์นานโด ตอร์เรส ทั้งหล่อทั้งเทพขวัญใจแฟนหงส์แดงตั้งแต่หายจากอาการบาดเจ็บมาตอร์เรสเหมือนกลายเป็นคนละคน ถึงแม้ทีมชาติสเปนของเขาจะได้แชมป์โลกแต่นับได้เลยว่าพี่แกลงเป็นตัวจริงซักกี่นัดเชียว นัดสุดท้ายก็ลงไปเล่นช่วงต่อเวลาพิเศษแทนที่ดาวิด บีญ่า จนเกิดอาการบาดเจ็บอีกรอบ ไม่น่าเชื่อว่าเอลนินโญ่จะไร้ซึ่งสกอร์ในทัวร์นาเม้นท์นี้ ริคาร์โด้ กาก้า คนนี้ก็หล่อน้อยกว่ากันที่ไหนล่ะ ลีลาการลากเลื้อยที่สวยงามสไตล์บราซิล การผ่านบอลให้เพื่อนที่แม่นยำฟุตบอลโลกครั้งนี้แทบไม่เห็นจากกาก้าเลย ลีโอเนล เมสซี่ นักเตะยอดเยี่ยมปีล่าสุดของฟีฟ่าต้องหลั่งน้ำตาปล่อยโฮขนานใหญ่หลังอาร์เจนติน่าปราชัยให้เยอรมันแบบไร้ทางต่อกร ใช่ว่าฟอร์มการเล่นของเมสซี่จะเป็นดาวดับในฟุตบอลโลกครั้งนี้ เพราะเขานับเป็นนักเตะที่ครองบอลและยิงเข้ากรอบได้มากที่สุดในรอบแบ่งกลุ่ม แต่เทคติกของเสือเตี้ยต่างหากที่คอยพึ่งนักเตะเพียงคนเดียว(ดูจากสถิติการเลี้ยงบอลผ่านคู่ต่อสู้ได้มากที่สุด)ทั้งๆที่ฟุตบอลต้องเล่นเป็นทีม มาราโดน่าใช้มาตรฐานความสามารถของตัวสมัยหนุ่มๆบวกกับแนวคิดของฟุตบอลสมัยเก่ามาใช้กับทีมตัวเองจนต้องพังพ่ายทำให้เมสซี่จวนจะเสีย.... ดาวเด่น แน่นอนยังมีดาวรุ่งอีกหลายดวงที่รอเปล่งแสง เตะตาหมามอง แมวมอง ในรายการระดับโลกอย่างนี้ คนแรกต้องนี่เลย โธมัส มุลเลอร์ มิดฟิลด์ตัวรุกวัย 20 ปีสามารถทดแทนการขาดหายไปของกัปตันทีมมิเชล บัลลัคที่มีอาการบาดเจ็บ ดาวซัลโวฟุตบอลโลก 2010ซัดให้เยอรมัน 5 ประตูเทียบเท่า ดาวิด บีญ่า, เวสลี่ย์ สไนจ์เดอร์, ดีเอโก้ ฟอร์ลัน แต่จ่ายให้เพื่อนมากกว่าเลยได้ครองดาวซัลโวไปครอง เล่นดีขนาดนี้บาเยิร์นก็ต้องหวงเป็นธรรมดา พ่วงมากับเพื่อนร่วมชาติอย่าง เมซุต โอซิล มิดฟิลด์ตาปรือที่ได้ลงครบทั้ง 7 แมตช์การแข่งขันความเร็ว และทักษะการเลี้ยงบอลที่ยอดเยี่ยมกำลังเป็นที่หมายปองของทีมยักษ์หลายๆทีม เคซึเกะ ฮอนดะ เป็นความภาคภูมิใจของชาวเอเชีย หลังเป็นกำลังสำคัญช่วยให้ญี่ปุ่นมาเล่นฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายได้ และเข้าลึกถึงรอบน็อกเอ้าท์ซัดไป 2 ประตู แต่เสียดายที่แพ้จุดโทษปารากวัย แต่สิ่งสำคัญคือ ฮอนดะ ได้แสดงให้ชาวโลกได้เห็นว่า "แข้งเอเชีย" ไม่ใช่กระจอก ฮาเวียร์ เฮอร์นานเดซ ดาวยิงเม็กซิโกซึ่งเซ็นสัญญาเป็นนักเตะใหม่ของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดแล้ว การยิง 2 ประตูในฟุตบอลโลกทำให้ท่านเซอร์พึงพอใจกับฟอร์มของ "เจ้าถั่วน้อย" เป็นอย่างมาก แถมมีค่าเฉลี่ยการวิ่งในสนามเร็วที่สุดมากกว่า คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ในรายการนี้อีกด้วย เวิร์ลดคัพ..อัพค่าตัว บาร์เซโลน่าเหมือนเป็นนกรู้ เมื่อจัดการเซ็นสัญญาคว้าตัว ดาวิด บีญ่า ดาวยิงสเปนร่วมทัพก่อนศึกฟุตบอลโลกจะระเบิดขึ้น ซึ่งแน่นอนบีญ่าซัด 5 ประตูเทียบเท่าดาวซัลโวทำให้มูลค่าแข้งของเขาเพิ่มขึ้นแน่นอน แต่บาร์ซ่าก็นิ่งนอนใจได้เพราะสัญญามีการเซ็นรับรองเรียบร้อยแล้ว เช่นเดียวกับนักเตะหลายๆคนที่ฟอร์มดีไม่ว่าจะเป็น ดีเอโก้ ฟอร์ลัน นักเตะยอดเยี่ยมประจำบอลโลก2010, โธมัส มุลเลอร์ ดาวรุ่งควบดาวซัลโว, ดั๊กลาส ไมค่อนแบ็กจอมบุกของบราซิล, หลุยส์ ฟาเบียโน่, เวสลี่ย์ สไนจ์เดอร์ซัลโว5เม็ดเหมือนกัน, อาร์เยน ร็อบเบนปีกฮอลแลนด์ที่ลากเลื้อยได้สะเด่า, อันเดรส อิเนียสต้าฮีโร่สเปน รวมทั้ง หลุยส์ ซัวเรส และนักเตะคนอื่นๆ ต้นสังกัดต่างก็ต้องรักษาเพื่อเป็นสมบัติอันล้ำค่าประดับสโมสรไว้ หรือถ้าจะขายทีมที่จะซื้อก็ต้องจ่ายราคางามๆกันหน่อย เจ้าพอล ปลาหมึกหมอดู เล่นเอาอึ้งไปตามๆกันสำหรับ "เจ้าพอล" ปลาหมึกยักษ์สัญชาติอังกฤษซึ่งอาศัยอยู่ในพิพิธภัณฑ์ที่เยอรมัน ซึ่งได้ทำการทายผลการแข่งขันล่วงหน้าแต่ละแมตช์ที่เยอรมันลงแข่งขัน ซึ่งเกมแรกก็คิดว่าเป็นเรื่องบังเอิญ พอเกมที่สองก็คิดว่าฟลุ๊ค แต่สุดท้ายจนสิ้นสุดการชิงแชมป์ ปรากฏว่า "เจ้าพอล"สามารถทำนายล่วงหน้าได้ถูกตั้งแต่นัดแรกจนถึงนัดสุดท้ายรวมทั้งหมด 8 เกม ซึ่งเป็นการทำนายถูก 100% ถึงแม้ว่าเจ้าพอลจะทำนายแม่นก็เถอะ เป็นธรรมดาที่ทีมชาติที่เจ้าพอลได้เลือกจะเป็นที่ชื่นชอบกันทั้งชาติ ส่วนอีกฝั่งก็ต้องเกลียดมันทั้งชาติเหมือนกัน...เฮ้อ....สัตว์มันอยู่ของมันดีๆ......มนุษย์สิ! สรุป 8 นัดที่หมึกพอลทายผล 1.เยอรมัน 4:0 ออสเตรเลีย >> เลือกเยอรมัน 2. เยอรมัน 0:1 เซอร์เบีย >> เลือกเซอร์เบีย 3. กาน่า 0:1 เยอรมัน >> เลือกเยอรมัน 4. เยอรมัน 4:1 อังกฤษ >> เลือกเยอรมัน 5. อาร์เจนติน่า 0:4 เยอรมัน >> เลือกเยอรมัน 6. เยอรมัน 0:1 สเปน >> เลือกสเปน 7.นัดชิงที่ 3 อุรุกวัย 2:3 เยอรมัน >> เลือกเยอรมัน 8.นัดชิงที่ 1 ฮอลแลนด์ 0:1 สเปน >> เลือกสเปน สถิติที่น่าสนใจ แชมป์ฟุตบอลโลก 2010 : ทีมชาติสเปน (ครั้งแรก) รองแชมป์ : ทีมชาติฮอลแลนด์ (ครั้งที่3) ดาวซัลโว 5 ประตู : โธมัส มุลเลอร์(เยอรมัน), ดาวิด บีญ่า(สเปน), เวสลี่ย์ สไนจ์เดอร์(ฮอนแลนด์), ดีเอโก้ ฟอร์ลัน(อุรุกวัย) นักเตะที่ขยันยิง : อาซาโมอาห์ กียาน(กาน่า) 33 ครั้ง นักเตะที่อายุมากที่สุด : เดวิด เจมส์(อังกฤษ) 1 สิงหาคม 1970 อายุ 39 ปี นักเตะที่อายุน้อยที่สุด : คริสเตียน อีริคเซ่น(เดนมาร์ก) 14 กุมภาพันธ์ 1992 อายุ 18 ปี นักเตะที่สูงสุด : นิโคล่า ซิกิซ(เซอร์เบีย) 202 เซนติเมตร นักเตะที่เตี้ยสุด : อารอน เลนน่อน(อังกฤษ) 165 เซนติเมตร ผู้รักษาประตูที่เซฟมากที่สุด : ราชาร์ด คิงสัน(กาน่า)24 ครั้ง นักเตะที่เล่นให้3ชาติในฟุตบอลโลก : เดยัน สแตนโกวิช(เซอร์เบีย 2010, เซอร์เบีย แอนด์ มอนเตเนโกร 2006, ยูโกสลาเวีย 1998) ประตูแรกของฟุตบอลโลก 2010 : ซิฟิเว่ ชาบาลาล่า(แอฟริกาใต้) ยิงเม็กซิโกนัดเปิดสนาม นาทีที่ 55 ประตูสุดท้ายของฟุตบอลโลก 2010 : อันเดรส อิเนียสต้า(สเปน) ซัดนาทีที่ 117ชนะฮอลแลนด์นัดชิงชนะเลิศ ทีมที่ยิงได้มากที่สุด : เยอรมัน 16 ประตู ทีมที่ขยันยิงมากที่สุด : สเปน 121 ครั้ง ทีมที่ยิงตรงกรอบมากที่สุด : อุรุกวัย 46 ครั้ง ทีมที่ยิงประตูไม่ได้เลย : แอลจีเรีย, ฮอนดูรัส ทีมที่ฟาวล์มากที่สุด : ฮอลแลนด์ 126 ครั้ง ทีมที่ล้ำหน้ามากที่สุด : ฮอลแลนด์ 29 ครั้ง ทีมที่เตะมุมมากที่สุด : สเปน 56 ครั้ง ทีมที่ใบเหลือง-ใบแดงมากที่สุด : ฮอลแลนด์ 23 ใบ ทีมที่ใบเหลือง-ใบแดงน้อยที่สุด : เกาหลีเหนือ 2 ใบ เกมที่ยิงประตูกันมากสุด : โปรตุเกส 7-0 เกาหลีเหนือ ประตูที่เกิดขึ้นทั้งหมดในฟุตบอลโลก 2010 : 145 ประตู เป็นจุดโทษซะ 9 ประตู รางวัลนักเตะยอดเยี่ยม The adidas Golden Ball : ดีเอโก้ ฟอร์ลัน (อุรุกวัย) รางวัลดาวรุ่งยอดเยี่ยม : โธมัส มุลเลอร์ (เยอรมัน) รางวัลรองเท้าทองคำดาวซัลโว The adidas Golden Boot : โธมัส มุลเลอร์(เยอรมัน) 5 ประตู รางวัล The FIFA Fair Play Award : สเปน รางวัลผู้รักษาประตูยอดเยี่ยม The adidas Golden Glove : อีเกร์ คาซิยาส ผู้เล่นที่ถูกไล่ออกจากสนามคนแรก(เหลือง-แดง) : นิโคลัส โลเดโร่ (อุรุกวัย) ผู้เล่นที่รับใบเหลืองคนแรก : เอเฟรน คัวเรซ (เม็กซิโก) ทีมที่ชนะเป็นทีมแรก : เกาหลีใต้ (ชนะ 2:0 กรีซ) คู่ที่เสมอแบบไร้สกอร์คู่แรก : อุรุกวัย 0:0 ฝรั่งเศส ผู้รักษาประตูคนแรกที่ได้เป็นแมน ออฟ เดอะ แมตช์ : วินเซนต์ เอ็นเยียม่า (มือกาวไนจีเรีย) ผู้เล่นที่ได้รับบาดเจ็บเป็นคนแรก : ตาเย่ ตาอิโว (ไนจีเรีย) ผู้เล่นที่ถูกเปลี่ยนตัวออกคนแรก : ลูคัส บองกาเน่ ธวาล่า (แอฟริกาใต้) เซโป มาซิเลล่า ลงมาแทน ทีมที่ใช้กัปตันทีมเปลืองสุด : ทีมชาติกรีซ ผู้เล่นที่ยิงลูกจุดโทษคนแรก : อซาโมอาห์ กียาน (กาน่า) ผู้เล่นคนแรกที่โดนใบแดงไล่ออกจากสนาม : ทิม เคฮิลล์ (ออสเตรเลีย) ทีมที่เสียจุดโทษเป็นทีมแรก : ทีมชาติเซอร์เบีย ผู้เล่นที่เลือดออกคนแรก : เกล็น จอห์นสัน ปากแตกต้องออกไปเปลี่ยนเสื้อ (อังกฤษ 1:1 สหรัฐฯ) ทีมแรกที่ชนะโซนแอฟริกา : กาน่า ( กาน่า 1:0 เซอร์เบีย ) ทีมแรกที่ชนะโซนเอเชีย : เกาหลีใต้ ( เกาหลีใต้ 2:0 กรีซ) ทีมแรกที่ชนะโซนยุโรป : เยอรมัน ( เยอรมัน 4:0 ออสเตรเลีย ) ทีมแรกที่ชนะโซนอเมริกาใต้ : อาร์เจนติน่า ผู้เล่นที่ทำเข้าประตูตัวเองคนแรก : ดาเนี่ยล แอ็กเกอร์ (เดนมาร์ก) นายทวารที่รับพลาดเป็นคนแรก : โรเบิร์ต กรีน (อังกฤษ) ทีมที่ใช้นักเตะตระกูลเดียวกันมากสุด : ฮอนดูรัส (เจอร์รี่,วิลสัน และ จอห์นนี่ ปาลาซิออส) ทีมแรกที่ชนะสองนัดรวด : อาร์เจนติน่า ผู้เล่นคนแรกที่ยิงแฮตทริกได้ : กอนซาโล่ อิกัวอิน (อาร์เจนติน่า 4:1 เกาหลีใต้) ทีมแรกที่กระเด็นตกรอบแรกก่อนใคร : ทีมชาติแคเมอรูน ผู้เล่นที่ยิงจุดโทษพลาดคนแรก : ลูคัส โพดอลสกี้ ทีมแรกที่ไม่เสียประตูนานสุดพร้อมทุบสถิติ : ทีมชาติสวิสเชอร์แลนด์ ( 551น. ) ผู้ตัดสินที่ถูกแบนคนแรก : โคมัน คูลิบาลี (ชาวมาลี) ผู้เล่นที่รับบทกัปตันอายุน้อยสุด : ลีโอเนล เมสซี่ (อาร์เจนติน่า) ในเกมชนะ กรีซ 2:0 ผู้เล่นได้รับแมนออฟเดอะแมตช์ทุกนัดที่ลงสนามรอบแรก : คริสเตียโน่ โรนัลโด้ (โปรตุเกส) ผู้เล่นที่ยิงแม่นเลี้ยงหลบเยอะ(ฟีฟ่า) : ลีโอเนล เมสซี่ (อาร์เจนติน่า) ผู้เล่นที่สปี๊ดไวสุด(ฟีฟ่า) : ฮาเวียร์ เฮอร์นานเดซ (ทีมชาติเม็กซิโก) ลูกชิพยิงจุดโทษเหนือชั้นที่สุดในรอบ 34 ปี (เอพี) : เซบาสเตียน อาบรู (อุรุกวัย) World Cup 2010 Final : Spain crowned world champions Andres Iniesta dramatically fired Spain to World Cup glory with the only goal of the game deep into extra-time against Netherlands.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น